วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2552

ค้านเพิ่มอภิปราย

ยัน2วันเพียงพอ รบ.ตั้งทีมตอบโต้
จับตาศึกซักฟอกนายกฯ-5 รมต."วิปรัฐบาล-ปู่ชัย"ค้านเพิ่มวันอภิปราย ยัน 2 วัน เพียงพอแล้ว ตั้งทีมงาน 3 ชุดตอบโต้ฝ่ายค้าน “มาร์ค” ลั่นไม่มีนโยบายดักฟังฮัลโหลคู่แข่ง “เทพไท” ดักคอห้ามอภิปรายคดีเงินบริจาค ส่วน “เสธ.หนั่น” รับความหลัง “ปชป.” มีจุดอ่อน ฝ่าย “บุญจง” บอกใบ้สู้ราคาไม่ไหว ด้าน “เหลิม” เสี้ยมพรรคร่วมแตกคอ อ้าง “ปชป.” เคยถล่มอดีต “เติ้ง” 3 วันมาแล้ว ลั่นแฉข้อมูลเด็ดเงิน “ทีพีไอ” ไหลไปไหน ขณะที่ “เจ๊หน่อย” กรี๊ดปัดข่าวย้ายซบ “ภูมิใจไทย” เผยถูกลากโยงเกมรักสามเส้า อ้าง “ส.ส.ผึ้ง” โอดถูกกดดันอย่างหนักจนต้องทิ้งนายใหญ่
“มาร์ค”ไม่ฟันธงเพิ่มวันซักฟอก เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเสนอให้ขยายจำนวนวันอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรี 5 คน เป็น 3 วันว่า เป็นเรื่องรัฐสภาเดี๋ยวก็ตกลงกันได้โดยดูตามสภาพความเป็นจริง และเมื่อเริ่มอภิปรายไปแล้วก็จะทราบเองว่าต้องใช้เวลากี่วัน แต่ถ้าขยายเวลาไปเลย การอภิปรายอาจจะเสร็จก่อนก็ได้ และที่จริงแล้วเราไม่มีปัญหา ตนยืนยันว่ารัฐบาลไม่ปิดกั้นอยู่แล้ว นายกฯ กล่าวปฏิเสธกระแสข่าวการพูดคุยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน เพื่อเลื่อนวันอภิปรายให้เร็วขึ้นว่า ตนไม่เคยคุยกับนายเนวินเลย และตนก็อยากให้เป็นสัปดาห์หน้า แต่เมื่อประธานรัฐสภาแจ้งว่าไม่สะดวก เพราะต้องไปร่วมกระบวนการสรรหากรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ตนก็ต้องพร้อมต่อการอภิปรายในสัปดาห์นี้และต้องไปเลื่อนกำหนดการงานต่าง ๆ อีกมาก
ปัดข่าวดักฟังโทรศัพท์ “เหลิม” นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ในที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์วันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา มีการพูดกันว่าถ้าฝ่ายค้านอภิปรายเรื่องเงิน 250 ล้านบาท มีการพาดพิงถึงใคร คนนั้นก็ต้องชี้แจง เมื่อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิมอ้างว่าตอนนี้ถูกดักฟังทางโทรศัพท์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายนี้ ส่วนที่ฝ่ายค้านอ้างว่าพรรคประชาธิปัตย์เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯ ด้วยเรื่องเก่า ๆ เช่น เรื่องบรรพบุรุษของนายบรรหาร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ห้ามฝ่ายค้าน เมื่อถามต่อว่า การกระทำเช่นนี้จะทำให้บรรทัดฐานทางการเมืองตกต่ำลงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าประเด็นใดที่เห็นว่าทำให้คนไม่สมควรไว้วางใจให้บริหารราช การแผ่นดินต่อไปก็สามารถหยิบยกมาได้ ส่วนจะสมเหตุผลหรือไม่นั้นต้องไปดูข้อเท็จจริงกับเหตุ ผลที่นำเสนอ
“เทือก” ไม่เชื่อรัฐบาลถูกน็อก ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย อ้างว่ามี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นำข้อมูลไปให้ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า เป็นไปไม่ได้ ไม่น่าเชื่อถือ เมื่อถามต่อว่า ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่าอภิปรายตอนเช้า พอบ่าย 2 โมงก็สามารถน็อกรัฐบาลได้แล้ว นายสุเทพ หัวเราะก่อนที่จะตอบว่า “สื่อเชื่อหรือเปล่า อย่าไปวิจารณ์เลย ถ้าผมตอบ เดี๋ยวเขาโกรธเอา แต่ก็เอาเถอะ ใครมีหน้าที่อย่างไรก็ทำไป ให้อยู่ในกฎเกณฑ์ กรอบกติกาก็แล้วกัน” ส่วนความเป็นไปได้เรื่องข่าวการวางแผนตากสินของพรรคเพื่อไทยกับกลุ่มเสื้อแดงเพื่อนำไปสู่การโค่นล้มรัฐบาล รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ แต่เห็นว่าสิ่งที่ทำเป็นขบวนการ มีขั้นตอนที่สอดรับต่อเนื่องกัน และมีเป้าหมายที่มุ่งมาที่รัฐบาล มีการขัดขวางไม่ให้รัฐบาลทำหน้าที่ได้โดยสะดวก ซึ่งการทำอย่างนี้ทำให้ประเทศชาติและประชาชนเสียหาย ส่วนกรณีกลุ่มเสื้อแดงเลื่อนการชุมนุมมาเป็นวันที่ 22 มี.ค. นั้น ฝ่ายรัฐบาลยังไม่มีแผนหรือสั่งการให้ตำรวจรับมืออะไร เพราะยังไม่รู้ว่ากลุ่มเสื้อแดงจะไปชุมนุมที่ไหนอย่างไร
“ขุนคลัง” รอปะทะ “มิ่งขวัญ” ขณะที่นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมชี้แจงการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ได้เตรียมข้อมูลพร้อมชี้แจงทุกประเด็น ไม่รู้สึกกังวลประเด็นใดเป็นพิเศษ และถือเป็นโอกาสที่จะอธิบายที่มาและขยายความเพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจมากขึ้น อย่างไรก็ตามที่ฝ่ายค้านพูดว่าตนเอื้อประโยชน์ให้คนนั้นคนนี้ ตนนึกไม่ออกว่าฝ่ายค้านหมายถึงอะไร คงต้องรอฟังและชี้แจงตามข้อกล่าวหา ส่วนที่ฝ่ายค้าน มอบหมายให้นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีต รมว.พาณิชย์ เป็นหัวหอกในการอภิปรายนั้น ตนยินดีที่จะมีผู้รู้เรื่องเศรษฐกิจมาเป็นผู้อภิปราย และคิดว่าถ้ามีการอภิปรายแลกเปลี่ยนมุมมองและแนวคิดที่แตกต่างกัน ผู้ที่ได้ประโยชน์ก็คือประชาชน ต่อข้อถามว่า จำเป็นหรือไม่ที่การลงมติไว้วางใจ รมว.คลัง จะต้องได้เสียงครบ 237 เสียง รมว.คลัง กล่าวว่า ไม่จำเป็น คิดว่ากฎกติกาคือเสียงข้างมาก แต่ยิ่งได้มากก็ยิ่งสะท้อนความไว้วางใจที่มี ซึ่งตนก็ไม่ได้คิดมาก มั่นใจจะชี้แจงได้ทุกประเด็น และพร้อมเสนอแนะทุกประเด็น แต่ก็จะรอดูว่าสุดท้ายเสียงสนับสนุนตนจะเป็นอย่างไร
“บุญจง” บอกใบ้สู้ราคาไม่ไหว นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการตั้ง 12 ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เพื่อเข้ามาช่วยดูแลข้อมูลให้กับ มท.1 และ มท.2 ว่า ได้ผ่านการพิจารณาในที่ประชุมพรรคแล้ว และยังมั่นใจจะชี้แจงได้ทุกประเด็น ส่วน ส.ส.ของพรรคจะยกมือโหวตอย่างไรให้ถือเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. ไม่มีการสั่งการ ยืนยันว่าการโหวตลงคะแนนเสียงไว้วางใจรัฐมนตรีในการอภิปราย ไม่ใช่เป็นการชี้วัดว่า ส.ส. จะมาเข้าร่วมพรรค แต่อาจมีความเป็นไปได้ว่าหลังการอภิปราย จะมี ส.ส.บางส่วนสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคเพิ่ม แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบว่ามีใครบ้าง นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกระแสข่าวรัฐบาลได้พยายามซื้อตัว ส.ส. ฝ่ายค้านเพื่อยกมือโหวตให้กับรัฐบาลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า “มันหนักไป สู้ไม่ไหว”
เผย “ปชป.” มีอดีตเป็นจุดอ่อน พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ดูประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านแล้วยังไม่มีอะไรมาก ส่วนเรื่องที่ทำให้อ่อนไหวก็คงจะเป็นเรื่องเก่า ๆ แต่พรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่น ส่วนกรณีของนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ในเรื่องชุมนุมปิดสนามบินนั้นก็ไม่มีอะไรที่ทำให้เกิดความเสียหาย และมั่นใจว่านายกฯ จะตอบคำถามเรื่องเงินบริจาคได้หมด ต่อข้อถามว่าในการลงมติอาจมี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไม่ร่วมลงมติ พล.ต.สนั่น หัวเราะพร้อมกับกล่าวว่า อาจจะเป็นไป นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ได้ประสานงานในเรื่องเสียงโหวต แต่ไม่ต้องห่วงพรรคชาติไทยพัฒนาสนับสนุนรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายเต็มที่ คงไม่ต้องให้ฟรีโหวต ส่วนหลังการอภิปรายแล้วจะมีการปรับ ครม. หรือไม่ขึ้น อยู่กับการตัดสินใจของนายกฯ แต่ในส่วนพรรคชาติไทยพัฒนาคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ดักคอห้ามอภิปรายคดี 258 ล้าน นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การเลื่อนวันอภิปรายทำให้รัฐบาลพบความฉุกละหุก เพราะต้องหาข้อมูลย้อนหลัง เช่น การเป็นสมาชิกพรรคของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อปี 2535 ซึ่งยังไม่มีคอมพิวเตอร์บันทึกข้อมูล ส่วนกรณี ที่ ร.ต.อ.เฉลิม จะอภิปรายเรื่องเงินจำนวน 258 ล้านบาทของบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) ถือเป็นสิทธิ แต่ถ้าข้อมูลเกี่ยวข้องกับตัวบุคคลก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลนั้น ๆ ก็อย่าโยงถึงพรรคว่ามีส่วนเกี่ยวข้องเพราะเรื่องนี้อยู่ในกระบวนการยุติธรรมที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กำลังตรวจสอบ จึงไม่แน่ใจว่าจะ สามารถนำมาใช้อภิปรายเพื่อหวังผลทางการเมืองได้หรือไม่ เพราะ ร.ต.อ.เฉลิม เคยทักท้วงตนในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ว่าไม่ควรอภิปรายประเด็นคดีหมิ่นประมาทที่นายสมัครเป็นจำเลย เนื่องจากเรื่องดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกระบวนการยุติธรรม
ขุด “ปชป.” เคยถล่ม “เติ้ง” 3 วัน ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าทีมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ให้สัมภาษณ์กรณีวิปฝ่ายค้านจะขอขยายเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ส่วนตัวเห็นว่า 2 วันกำลังพอดี แต่เพื่อน ส.ส. มีข้อมูลมากจึงอยากได้วันอภิปรายเป็น 3 วัน ซึ่งเมื่อปี 2539 พรรคประชาธิปัตย์เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจนายบรรหาร ศิลปอาชา นายกฯ และรมว.มหาดไทย ในขณะนั้น 3 วันเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ประธานสภาระบุว่าถ้ามีประเด็นที่คาบเกี่ยวกันแต่ยังอภิปรายไม่หมดก็ขอให้หารือกันในที่ประชุมสภาได้ ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าญัตติของฝ่ายค้านกว้างเกินไปและจะมีการพาดพิงบุคคลอื่น ทำให้การอภิปรายออกนอกกรอบนั้น หัวหน้าทีมอภิปรายของฝ่ายค้าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเขียนญัตติคล้าย ๆ กับที่ประชาธิปัตย์เคยทำ ทั้งนี้การเขียนญัตติก็เหมือนการฟ้องที่ต้องฟ้องคลุม ส่วนรายละเอียดไปอภิปรายกันในสภา และจะพยายามพาดพิงบุคคลที่ 3 ให้น้อยที่สุดเฉพาะเท่าที่จำเป็น พรรคประชาธิปัตย์ขออย่าประท้วงมากเท่านั้น
“เหลิม” ลั่นทะลวงไส้ “ทีพีไอ” ต่อข้อถามว่า บริษัททีพีไอฯ ขู่จะฟ้องร้องถ้าถูกพาดพิง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ต้องมาขู่ ถ้าตนผิดก็ฟ้องได้อยู่แล้ว ทั้งนี้จำเป็นต้องพาดพิงถึงบริษัทนี้อยู่แล้ว เพราะเงินออกมาจากบริษัทดังกล่าว “ทีพีไอ เตรียมให้พร้อม ร.ต.อ.เฉลิมจะพูดถึงทีพีไอที่เอาเงินออกมาทั้งหมดกว่า 260 ล้านบาท 27 ครั้ง มีทั้งเช็ค ทั้งเส้นทางการเงินเรียบร้อย” เมื่อถามว่าจะมีการขยายผลในทางคดีความด้วยหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ยังไปไม่ถึงขั้นนั้น หัวหน้าทีมอภิปรายฯ กล่าวถึงความมั่นใจว่าข้อมูลดังกล่าวจะสามารถล้มรัฐบาลได้ว่า ตนไม่เคยบอกว่าจะล้มรัฐบาล เพราะฝ่ายค้านโหวตก็แพ้ จึงล้มรัฐบาลไม่ได้อยู่แล้ว แต่มั่นใจว่าถ้าคนที่มีสติปัญญาฟังข้อมูลแล้วคงเข้าใจได้อย่างที่ตนคิด เมื่อถามว่า การนำเรื่องในอดีตมาอภิปรายจะเชื่อมโยงกับการบริหารงานของรัฐบาลปัจจุบันอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ขอถามว่าเมื่อครั้งที่พรรคประชาธิปัตย์เคยอภิปรายนายบรรหารว่าเกิดที่ประเทศจีน หรือการอภิปราย ส.ส.กลุ่ม 16 กรณีธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ (บีบีซี) มันเป็นเรื่องอดีตหรือปัจจุบัน
รับลูกเรียก “ศรภ.” สอบดักฟัง พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นคร ราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่าถูกแอบดักฟังโทรศัพท์ในช่วงที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า เป็นเรื่องจริง ตนได้รับข้อมูลการเรียกรับค่าคอมมิสชันจากการจัดซื้อเครื่องดักฟังมูลค่า 250 ล้านบาทของศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ สังกัดกองบัญชาการทหารสูงสุด โดยบริษัทเอกชนรายหนึ่งมีโอกาสทำสัญญาซื้อขายกับกองทัพ เพราะมีการเอื้อ ประโยชน์จากนักการเมือง เนื่องจากเจ้าของ บริษัทดังกล่าวมีความใกล้ชิดกับคนในแก็งออฟ โฟร์ โดยให้ไปสอบถามกับนายธีรพล นพรัมภา อดีตเลขาธิการนายกฯ และ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม พ.ต.ท.สมชาย กล่าวว่า การจัดซื้อเครื่อง ดักฟังนี้เกิดขึ้นในสมัย คมช. ซึ่งขณะนั้นมีรายงานข่าวเรื่องงบลับและค่าคอมมิสชันจำนวนมากที่ยากจะตรวจสอบ อย่างไรก็ตามจะเชิญผู้บัญชา การระดับสูงของ ศรภ. เข้าชี้แจงในเร็ว ๆ นี้
วิปรัฐบาลขวางเพิ่มวันอภิปราย เช้าวันเดียวกัน ที่รัฐสภา คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) นำโดยนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล ได้ประชุมร่วมกับนายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน เพื่อหาข้อสรุปถึงกรอบระยะเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล หลังจากพรรคเพื่อไทยยื่นหนังสือต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ขยายเวลาการ อภิปรายออกไปเป็น 3 วัน คือ วันที่ 19-21 มี.ค. และลงมติในวันที่ 22 มี.ค. หรือให้เลื่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจออกไปเป็นปลายเดือน มี.ค. แทน นายชินวรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลคงไม่ สามารถเลื่อนเวลาออกไปตามที่พรรคเพื่อไทยร้องขอได้ เพราะได้บรรจุญัตติในระเบียบวาระการประชุมเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่ขอให้มีการเพิ่มวันอภิปรายเป็น 3 วันนั้น หากฝ่ายค้านอภิปรายให้กระชับระยะเวลา 2 วันน่าจะเพียงพอ รัฐบาลไม่ตั้งองครักษ์พิทักษ์นายกฯ และรัฐมนตรี แต่ได้แต่งตั้งคณะทำงานประสานข้อมูลระหว่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐบาลจำนวน 19 คน โดยมี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส. พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน
ตั้ง 3 ทีมป้อนข้อมูลโต้ “ฝ่ายค้าน” นพ.วรงค์ กล่าวว่า วิปรัฐบาลได้แบ่งทีมงาน 3 ส่วน คือ 1.ทีมงานด้านข้อมูลเชิงวิชาการ 2.ทีมงานเชิงยุทธศาสตร์ในสภา และ 3.ทีมงานแถลงข่าวเสริมข้อมูลของรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย ทั้งนี้คณะทำงานได้ประเมินญัตติอภิปรายแล้วคิดว่าอาจมีการพาดพิงถึงรัฐมนตรีอีก 10 คน ซึ่งคณะทำงานได้ประสานไปยังรัฐมนตรีเหล่านี้ให้เตรียมข้อมูลไว้ชี้แจง รัฐบาลจะให้ฝ่ายค้านอภิปรายเต็มที่ จะไม่ประท้วงโดยไม่จำเป็น ทั้งนี้จะใช้วิธีประท้วงรูปแบบใหม่ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ต้องติดตามการอภิปรายในสภา ขณะที่นายวิทยา เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า นายชัย ชิดชอบ ประธานสภา ได้ทำหนังสือตอบกลับมาว่าไม่สามารถขยายเวลาการอภิปรายได้ และยืนยันตามกำหนดเวลาเดิม คือ อภิปรายวันที่ 19-20 มี.ค. และลงมติวันที่ 21 มี.ค. และหากฝ่ายค้านต้องการขอเพิ่มเวลาอภิปรายก็ขอให้ใช้สิทธิตามข้อบังคับที่ 21 ในที่ประชุมสภา ซึ่งในการประชุมสภาวันเดียวกันนี้ ฝ่ายค้านจะได้หารือขอใช้สิทธิตามข้อบังคับดังกล่าวเลย
“พท.” รุมจวก “ปู่ชัย” กลางสภา ต่อมาในช่วงบ่าย ในที่ประชุมสภาผู้ แทนราษฎร โดยก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระ ส.ส. พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายตำหนินายชัย ชิดชอบ ประธานสภา ที่เลื่อนวันอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลมาเป็นวันที่ 19-20 มี.ค. โดยนายชัย ชี้แจงว่า เรื่องทำนองนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วสมัยรัฐบาลนายสมัคร พรรคประชาธิปัตย์ขณะนั้นเป็นฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติอภิปรายวันที่ 18 มิ.ย. 2551 เมื่อตรวจสอบความถูกต้องแล้วประธานสภาสั่งบรรจุญัตติเข้าระเบียบวาระให้อภิปรายวันที่ 24-25 มิ.ย. และลงมติในวันที่ 26 มิ.ย. ประธานสภา กล่าวต่อว่า ตนไม่ได้มี 2 มาตรฐาน แต่ทำมาตรฐานเดียว และทำด้วยความรอบคอบ เมื่อบรรจุระเบียบวาระแล้ว ถ้าจะเลื่อนสภาก็ต้องมีมติ วันนี้ประชาชนทั้งประเทศตั้งตาฟังข้อมูล ตนก็ถาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่า เอาหรือไม่ ก็ได้คำตอบว่า เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี ข้อมูลมีหมดแล้วและเป็นผู้เซ็นในญัตติเป็นคนแรก แต่จู่ ๆ คนอื่น ๆ มายื่นประธานสภาบ้าง ยื่นนายกฯ บ้าง ตนบรรจุตนรับผิดชอบ จะเอาไปฆ่าแกงที่ไหนก็ได้ เพราะตนทำถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
ไฟเขียว “เอ็นบีที” ถ่ายทอดสด ร.ต.อ.เฉลิม ลุกขึ้นชี้แจงโดยยอมรับว่า ได้บอกประธานสภาว่าหากปล่อยนานไปตนจะลืมข้อมูล อย่างไรก็ดีขอถามว่าการอภิปรายครั้งนี้มีการถ่ายทอดสดทางทีวีหรือไม่ หากมีขอฝากประธานสภาบอกไปยังรัฐบาลว่าช่วงไพรม์ไทม์ ขอให้สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที (ช่อง 11) อย่านำรายการอื่นสอดแทรกเข้ามาขัดการอภิปราย ขอให้ช่วยดูว่าให้มีการถ่ายทอดสดตลอด ทั้งนี้อำนาจการบรรจุเป็นของประธาน แต่ตนยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยพร้อม ส่วนนายชัย กล่าวว่า จะมีการถ่ายทอดสดการอภิปรายทางเอ็นบีทีตั้งแต่เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป นายขจิต ชัยนิคม ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย สอบถามนายชัยว่า มีข่าวว่าการเลื่อนวันอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้มาจากความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ ก่อนเลื่อนวันอภิปรายมี 2 คนเข้าพบประธานสภา คนหนึ่งเป็นโหรสำนัก คมช. จากเชียงใหม่ อีกคนเป็นหมอเขมรมนต์ดำ ถ้าเป็นเรื่องจริงแสดงว่าประธานสภาตกอยู่ใต้การครอบงำของมนตร์ดำ ทำให้นายชัย กล่าวด้วย เสียงอันดังว่า “ไม่จริงครับ” และตัดบทเข้าสู่วาระการประชุมทันที
ฝ่ายค้านได้เวลาซักฟอก 20 ชม. นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า จากการหารือกับประธานวิปฝ่ายค้านได้ข้อสรุปตรงกันว่าจะใช้เวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2 วัน รวม 28 ชั่วโมง แบ่งเป็นฝ่ายค้าน 20 ชั่วโมง ที่เหลือเป็นการชี้แจงของนายกฯ และ 5 รัฐมนตรี ส่วนช่วงเวลาที่มีการประท้วง และใช้สิทธิพาดพิงนั้น ฝ่ายไหนใช้สิทธิก็จะนำเวลาไปรวมกับฝ่ายนั้น คาดว่าบริหารเวลาได้ตามนี้จะสามารถลงมติได้ในวันที่ 21 มี.ค. ทั้งนี้ฝ่ายค้านรับปากว่าจะไม่มีการพาดพิงบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องโดยไม่จำเป็น ด้านนายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน แถลงว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมผู้อภิปรายไว้ 40 คน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ชุดแรกมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ พ่วงนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง และนายกษิต ภิรมย์ รมว. การต่างประเทศ มีผู้อภิปราย 20 คน ชุดที่สอง นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง มีผู้อภิปราย 9 คน และชุดที่สาม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว. มหาดไทย และนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย มีผู้อภิปราย 10 คน คาดว่าจะใช้เวลาต่ำสุด 20 ชั่วโมงไม่รวมประเด็นตอบโต้ ดังนั้นเมื่อแบ่งแล้วจะได้ประมาณคนละ 20 นาที
แบ่ง 4 ชุดชำแหละนายกฯ-5 รมต. นายวิทยา กล่าวอีกว่า มี ส.ส.พรรคประชาราช บางคนส่งประเด็นมาให้พรรคเพื่อไทย ส่วนนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช คงจะร่วมประชุมแต่ไม่เข้าร่วมการอภิปราย นอกจากนี้พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ยังแจ้งมาว่าจะขอใช้ดุลพินิจในการลงมติ และอยากให้จับตา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์บางคนแจ้งว่าอยากจะขอร่วมอภิปรายด้วย แต่ตนไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นใคร รายงานข่าวแจ้งว่า พรรคเพื่อไทยได้นัดแต่งดำมาประชุมสภาเพื่อไว้ทุกข์ให้รัฐบาลด้วย สำหรับทีมอภิปรายของพรรคมีทั้งสิ้น 46 คน แบ่งเป็น 4 ทีม คือ ชุดแรก นายอภิสิทธิ์และนายประดิษฐ์ มี ร.ต.อ.เฉลิม เป็นหัวหน้าทีม ชุดที่สอง นายกษิต มีนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ เป็นหัวหน้าทีม ชุดที่สาม นายกรณ์ มีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน เป็นหัวหน้าทีม และชุดที่สี่ นายชวรัตน์ และนายบุญจง มีนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส. นครพนม เป็นหัวหน้าทีม
คดีเงินบริจาคส่งถึงมือ “กกต.” ที่สำนักงาน กกต. นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง เปิดเผยว่า ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้ยกคำร้องมติ กกต. ที่สั่งเลือกตั้งใหม่ใน จ.ปัตตานี เขต 2 โดยนายนิมุคตาร์ วาบา และนายยุซรี ซูสารอ ส.ส.ปัตตานี เขต 2 พรรคเพื่อแผ่นดิน สามารถนำคำวินิจฉัยของศาลฎีกาฯ ไปยื่นต่อประธานสภาและปฏิบัติหน้าที่ต่อได้เลยและมีสิทธิที่จะโหวตในการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย นางสดศรี กล่าวอีกว่า วันเดียวกันนี้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้นำสำนวนเรื่องเงินบริจาค 258 ล้านบาท และกรณีการใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ในปี 2548 จำนวน 23 ล้านบาท มามอบให้นายทะเบียนพรรคการเมืองแล้ว และจะนำเข้าที่ ประชุมกกต. ในสัปดาห์หน้า เพื่อพิจารณาว่าจะตั้งอนุกรรมการขึ้นมาสอบสวนหรือไม่ “หากการสืบสวนพบว่าพรรคไม่ได้นำเงินกองทุนไปใช้จ่ายตามแผนงานโครงการที่ขออนุมัติ กฎหมายก็กำหนดให้เรียกเงินคืน และเป็นเหตุให้นายทะเบียนยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค ซึ่งเหตุเช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้วกับ 40 พรรคการเมือง”
ตร.ตรึงกำลังสกัดม็อบบุกสภา อีกด้านหนึ่ง พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. กล่าวถึงการเข้าร่วมประชุมรับทราบนโยบายความมั่นคงภายในราชอาณาจักรและการเตรียมพร้อมรับมือกลุ่มม็อบเสื้อแดงว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายงานความเคลื่อนไหวการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงว่าจะชุมนุมเมื่อใด แต่ตำรวจมีการเตรียมรับมือเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นตลอดเวลา โดยเฉพาะระหว่างการประชุมสภาเพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างเต็มที่ เน้นย้ำรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการสำคัญ ป้องกันไม่ให้ผู้ชุมนุมบุกรุกเข้าไป จากการประเมินสถานการณ์แล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง เย็นวันเดียวกัน ที่สี่แยกเขาขาว หมู่ที่ 6 ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล มีการเปิดเวทีประชาธิปไตยรวมพลคนเสื้อแดงภาคใต้ นำทีมโดยนายสุรชัย แซ่ด่าน นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท แกนนำ นปช. มีกลุ่มคนเสื้อแดงและประชาชนในพื้นที่มารับฟังประมาณ 200 คน
140 ส.ส.เพื่อไทยยื่นถอด ป.ป.ช. ที่รัฐสภา ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยตัวแทน และรายชื่อ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จำนวน 140 คน เข้ายื่นหนังสือต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เพื่อเสนอต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ดำเนินคดีอาญากับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทั้ง 9 คน ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณี ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สมัยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรมทุจริตต่อหน้าที่ รวมทั้งกรณี ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหาแก่อดีตนายกฯ และนายตำรวจระดับสูงที่สลายการชุมนุมวันที่ 7 ต.ค. 2551 ที่ผ่านมา ส.ส. พรรคพลังประชาชนได้ลงชื่อยื่นถอดถอนเรื่อง แต่ปรากฏว่าพรรคได้ถูกยุบก่อน คำร้องจึงตก ไป ต่อมาพวกตนได้เข้าชื่อกันอีกครั้ง เพราะหาก ปล่อยไว้บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ
“หน่อย” กรี๊ดข่าวตีจาก “แม้ว” สำหรับกระแสข่าว ส.ส.กลุ่มคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย จะย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทยนั้น ล่าสุดคุณหญิงสุดารัตน์ ให้สัมภาษณ์ปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าวว่า ไม่เป็นความจริง ตนเป็นคนมีน้ำใจเป็นนักกีฬา เมื่อกรรมการเป่านกหวีดตัดสินให้ออกนอกสนามแข่ง แม้จะรู้ว่าการตัดสินไม่เป็นธรรมและไม่ยอมรับในคำตัดสิน แต่ก็เคารพในกฎเกณฑ์กติกา และไม่เคยเข้าไปยุ่งกับการเมืองเลยไม่ว่าจะกับใคร โดยขณะนี้ได้ไปก่อตั้งมูลนิธิไทยพึ่งไทย เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านในชุมชนต่าง ๆ ที่ถูกพิษเศรษฐกิจให้มีอาชีพ “เข้าใจว่าคงเป็นเกมในลักษณะของรัก สามเส้า ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพรรคภูมิใจไทย เป็นเรื่องการแย่งอำนาจและดิสเครดิตกันเอง อยากขอว่าให้เป็นเรื่องของรักสามเส้าเถิด อย่ามาเอาคนนอกอย่างดิฉันไปยุ่งเกี่ยวด้วย เพราะข่าวที่จะย้ายไปรวมกับพรรคภูมิใจไทยนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ และไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อย” อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ระบุ
“ส.ส.ผึ้ง” อ้างว่าเจอกดดันหนัก ส่วนที่ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี อดีต ส.ส.คนสนิท ระบุว่าคุณหญิงสุดารัตน์รับทราบเรื่องที่ไปร่วมประชุมกับพรรคภูมิใจไทยนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่า น.ส.ศุภ มาส ให้สัมภาษณ์ว่าอย่างไร เท่าที่ทราบข่าว น.ส.ศุภมาส ได้ไปลาออกจากพรรคเพื่อไทย จากนั้นมาบอกตนว่าได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้วเพราะถูกกดดันอย่างมาก แต่ตนไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอะไร นอกจากนี้ น.ส. ศุภมาสยังระบุด้วยว่าเมื่อไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทยแล้วจะไม่ขอรับตำแหน่งใด ๆ ซึ่งตนก็ไม่ได้ต่อว่าหรือแนะนำอะไร นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า น.ส.ศุภมาสได้มาลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคแล้ว และการที่ไปสังกัดพรรคภูมิใจไทยนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะผู้ใหญ่หลายคนในพรรคก็รู้ดีว่า น.ส.ศุภมาส มีความสนิทสนมกับนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และนายอนุทิน ชาญวีรกูล บุตรชาย อดีต รมช.สาธารณสุข
ฉะ “โกตั๊บ” เล่นเกมกับ “ปชป.” น.ต.ศิธา ทิวารี อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย คนใกล้ชิดคุณหญิงสุดารัตน์ เปิดเผยว่า จากการเช็กจำนวน ส.ส.กลุ่ม กทม. พรรคเพื่อไทย พบว่านอกจาก น.ส.ศุภมาส แล้วไม่มีใครย้ายไปร่วมกับพรรคภูมิใจไทย ตนยืนยันว่าคุณหญิงสุดารัตน์ ไม่มีปัญหาอะไรกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และ ส.ส. ในกลุ่มก็พร้อมทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยต่อไป ส่วนกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ออกมาระบุว่า คุณหญิงสุดารัตน์พร้อมร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยนั้น น.ต.ศิธา กล่าวว่า สิ่งที่นายสนธิ ระบุ เป็นการตีเกราะเคาะกะลาเพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์หันกลับมามอง เพราะเห็นว่าช่วงที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ละเลยกลุ่มพันธมิตรฯ และแกนนำอาจจะต้องถูกดำเนินคดีในเรื่องการปิดสนามบินและสถานที่ราชการ ดังนั้นตนจึงอยากเรียกร้องนายสนธิอย่าดึงคนอื่นเข้ามาร่วมในการเรียกร้องความสนใจครั้งนี้
“ศุภมาส” ยันไม่ได้มาเพราะเงิน ด้าน น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี อดีต ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ว่า การลาออกไม่ได้บอกคุณหญิงสุดารัตน์เลย เพราะเห็นว่าได้ยื่นลาออกจากพรรคเพื่อไทยแล้ว เจ้าหน้าที่คงไปแจ้งผู้ใหญ่เอง เนื่องจากตนตัดสิน ใจย้ายพรรคแล้วไม่อยากเปลี่ยนความตั้งใจ ซึ่งหากไปแจ้งกับผู้ใหญ่ก่อนก็อาจถูกยับยั้งไว้ สาเหตุ ที่มาอยู่กับพรรคภูมิใจไทย เพราะเห็นว่าเป็นสีน้ำเงิน เป็นกลาง จะช่วยลดความขัดแย้ง เพราะไม่ใช่สีแดง หรือสีเหลือง และไม่ใช่มาเพราะได้เงิน 3-4 แสนบาท นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ากลุ่มของคุณหญิงสุดารัตน์ จะเข้าร่วมพรรคภูมิใจไทย แต่เบื้องต้น น.ส. ศุภมาส ได้เข้ามาร่วมกับพรรคแล้ว โดยจะมอบหมายให้ทำหน้าที่รองโฆษกพรรค ส่วนนายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร ส.ส. มหาสารคาม พรรคภูมิใจไทย กลุ่มเพื่อนเนวิน ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าคุณหญิงสุดารัตน์ไม่มีทางย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย เพราะน้ำกับน้ำมันไม่มีทางเข้ากันได้ เมื่อถามย้ำว่าคุณหญิงสุดารัตน์สนิทสนมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายสุชาติ กล่าวว่า เมื่อก่อนนี้ใช่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่
ถอนร่าง ก.ม. หวั่นขัด “ม.190” อีกเรื่องหนึ่ง ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือสัญญา พ.ศ. ...ที่เสนอโดย ครม. และร่างที่เสนอโดย น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งหลังจาก นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ชี้แจงหลักการและเหตุผลว่ารัฐธรรมนูญ มาตรา 190 วรรคห้า ประกอบมาตรา 303 (3) บัญญัติให้มีกฎหมายว่าด้วยเรื่องดังกล่าว จากนั้น ส.ส.พรรคเพื่อไทยต่างอภิปรายโจมตีร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้โดยเฉพาะมาตรา 4 วรรคสอง เรื่องหนังสือสัญญาตามวรรคแรก ไม่รวมถึงหนังสือสัญญากู้เงินหรือค้ำประกันเงินกู้ที่รัฐบาลไทยหรือราชอาณาจักรไทยทำขึ้นตามกฎหมายที่ให้อำนาจไว้เป็นการเฉพาะหรือเป็นการทั่วไป โดยเห็นว่าการกำหนดเช่นนี้เป็นการขัดรัฐธรรมนูญ ภายหลัง ส.ส.พรรคเพื่อไทย อภิปรายทักท้วงนานกว่า 5 ชั่วโมง กระทั่งเวลา 19.45 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ได้ยอมถอนร่างดังกล่าวออกไปแก้ไขใหม่ จากนั้นประธานได้สั่งปิดประชุม.

ไม่มีความคิดเห็น: